3.แนวความคิดตามทฤษฎีสัมพันธภาพระหว่างบุคคล แฮรี่ สแตค ซัลลิแวน
ประวัติของแฮรี สแต็ค
ซัลลิแวน (Harry Stack
Sullivan) ซัลลิแวน เกิดเมื่อวันที่ 21
กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1892
ที่มลรัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เสียชีวิตเมื่อวันที่ 14
มกราคม ค.ศ. 1949
ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เขาได้รับปริญญาแพทย์ศาสตร์ จากวิทยาลัยทางการแพทย์ของชิคาโก ได้เข้าเป็นแพทย์ทหารในสงครามโลกครั้งที่ 2
เมื่อสงครามยุติลงเขาได้รับราชการเป็นแพทย์ในสถาบันต่างๆ ต่อมาได้ทำงานในคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยแมรีแลนด์
ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เขาได้ศึกษาโรคจิตเภทที่มีมากในขณะนั้น ซัลลิแวน
เป็นทั้งนักวิทยาศาสตร์
นักกล่าวสุนทรพจน์ทางด้านจิตเวช
เป็นผู้นำในการฝึกฝนจิตแพทย์ในด้านบุคลิกภาพ
เขาได้เริ่มตั้งทฤษฎีความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลตั้งแต่ปี ค.ศ.
1929 และสำเร็จในกลางปี ค.ศ.
1930
ตลอดชีวิตของซัลลิแวนได้มีผลงานการเขียนเพียงเล่มเดียว คือ
ทฤษฎีบุคลิกภาพในปี 1947
เมื่อเขาเสียชีวิตเพื่อนของเขาได้นำเทปบันทึกเสียงปาฐกถามาถอดความตีพิมพ์ออกเผยแพร่ทางวารสารเช่น
1. Conception of
Modern Psychiatry
2. The Psychiatric
Interview
โครงสร้างบุคลิกภาพ (Structure of
Personality)
ซัลลิแวน
เห็นว่าพันธุกรรมมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการวางรากฐานความเจริญเติบโตและต้องมีความสมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมซึ่งได้แก่ บุคคล
สภาพการณ์ต่างๆ
มนุษย์ต้องเรียนรู้การอยูร่วมกัน
ทำงานร่วมกัน
และจัดสิ่งเหล่านี้ให้เป็นระบบ
เขาได้อธิบายว่าพฤติกรรมของบุคคลที่แตกต่างกันนั้นเกิดจากการทำงานประสานกันของระบบทั้ง 3 คือ การแปรผัน (Dynamism) กระบวนการของพฤติกรรม (Patterm) และการแปรผันพลังจิต (Dynamism of
Psychiatry) ซึ่งทำให้เกิดความเครียด (Tension) บุคคลก็จะแสดงพฤติกรรมตามประสบการณ์ที่ตนเคยรับรู้ ทำให้เกิดการผ่อนคลาย (Euphoria) นอกจากนี้ความเครียดของบุคคลอาจเกิดจากความต้องการ (Need)
ซึ่งไม่ได้รับการตอบสนอง ทำให้เสียสมดุลของชีวิต หรือความเครียดอาจเกิดจากความกังวล (Anxiety) ที่บุคคลไม่รู้สึกอบอุ่นหรือมั่นคงในเรื่องของความรัก
ระบบตน (Self System)
พ่อแม่จะเป็นผู้ปรุงแต่งบุคลิกภาพเบื้องต้นให้แก่ทารกจนกว่าทารกจะรับรู้และสามารถสร้างภาพตนเองขึ้นมาได้ว่า “ฉันดี” (Good Me) “ฉันเลว” (Bad
Me) และ “ไม่ใช่ฉัน” (Not Me) โดยที่ทารกจะได้รับประสบการณ์ 3
ด้าน ดังนี้
-ประสบการณ์ที่ได้รับคำชมเชย
-ประสบการณ์ที่ทำให้เกิดความวิตกกังวลทีละน้อยสะสม
-ประสบการณ์ที่ทำให้เกิดความวิตกกังวลรุนแรงเฉียบพลัน
ซัลลิแวน
ได้อธิบายถึงความสัมพันธ์ของทารกที่มีต่อพ่อแม่ว่าเป็นรากฐานในการแปรผันพลัง (Dynamism) ในวัยต่อมา
ทารกสามารถสร้างความอบอุ่นมั่นคงแก่ตนเองได้ เมื่อพบเหตุการณ์ไม่ต้องการ และในการสร้างภาพตนเองเกิดจากประสบการณ์ดังนี้
1.ภาพตนเองที่ว่า “ฉันดี”
(Good Me Self)
จะเกิดจากประสบการณ์ที่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูจากแม่ที่ให้ความรู้สึกรักใคร่ อ่อนโยน เอาใจใส่อย่างใกล้ชิด เป็นห่วงเป็นใยซึ่งทารกจะเกิดความพึงพอใจ
2.
ภาพตนเองที่ว่า “ฉันเลว” (Bad Me
Self) เกิดจากประสบการณ์ที่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูแบบทอดทิ้ง ไม่ดูแล
ไม่ตอบสนองความต้องการของทารก
ทำให้ทารกเกิดความไม่พอใจเกิดความวิตกกังวล
3. ภาพ “ไม่ใช่ฉัน” (Not Me) เกิดจากการที่ทารกได้รับประสบการณ์ในลักษณะขู่เข็ญหรือเกิดความหวาดกลัวอย่างรุนแรง ทำให้เกิดความวิตกกังวลสูง และแสดงพฤติกรรมออกมาในเชิงปฏิเสธว่า “ไม่ใช่ฉัน”
เพราะเป็นสิ่งที่ทารกไม่ต้องการรับรู้อย่างยิ่ง
การพัฒนาบุคลิกภาพ
ซัลลิแวนได้แบ่งการพัฒนาบุคลิกภาพตามประสบการณ์เป็น
7 ขั้น (ศรีเรือน แก้วกังวาน,2546, หน้า 70-73) คือ
1.
ขั้นทารก (Infancy) อายุแรกเกิด
-18 เดือน วัยนี้จะมีความสุข
กับการใช้ปากในการตอบสนองความต้องการอาหารของตนเองด้วยการดูดหรือการเคลื่อนไหวร่างกายด้วยการใช้ประสาทตาสัมผัสกับมือในการดูดนิ้วตนเอง
2.
ขั้นวัยเด็ก (Childhood) อายุ
18 เดือน - 5 เดือน เป็นระยะที่เริ่มหัดพูด
ฝึกออกเสียงได้ชัดเจน เริ่มมีเพื่อนและต้องการให้ผู้อื่นยอมรับสถานภาพของตนเอง
3.
ขั้นวัยเยาว์ (Juvenile Era) อายุระหว่าง 5-12 ปี เป็นวัยที่เข้าโรงเรียน
พัฒนาการทางร่างกายเร็วมากเริ่มรู้จักสังคม มีการร่วมมือและแข่งขัน
เรียนรู้ที่จะควบคุมตนเอง
4. ขั้นก่อนวัยรุ่น (Pre-
Adolescence) อายุ 11-13 ปี
เริ่มมีวุฒิภาวะทางเพศ มีการกล้าแสดงออกมากขึ้นและยังต้องการความเท่าเทียมกับผู้ใหญ่
5.
ขั้นวัยรุ่นตอนต้น (Early Adolescence) อายุระหว่าง 13- 17 ปี เป็นวัยที่มีความพอใจในเรื่องเพศ ต้องการคบเพื่อนเดียวกันและต่างเพศ
ต้องการความเป็นอิสระไม่อยากพึ่งพาใคร
6.
ขั้นวัยรุ่นตอนปลาย (Late Adolescence) อายุ 17-19 ปี ร่างกายเจริญเต็มที่ มีความคิดสร้างสรรค์
มีความรู้และเข้าใจตนเอง เรียนรู้บทบาทในสังคมได้ดี
7.
ขั้นวัยผู้ใหญ่ (Adulthood) อายุระหว่าง
20-30 ปี
เป็นวัยที่มีพัฒนาการทุกอย่างสมบูรณ์เต็มที่สร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นสร้างหลักฐาน
มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่
กล่าวโดยสรุปจะเห็นว่า ซัลลิแวนมีความเชื่อมั่นว่า
การพัฒนาบุคลิกภาพในวัยเยาว์มีความสำคัญมากและเป็นวัยที่กำหนดชี้แนวทางพัฒนาบุคลิกภาพของบุคคลได้ในอนาคต
อีกทั้งยังเป็นวัยที่เริ่มรู้จักโลกอันสลับซับซ้อน และเริ่มมีความสัมพันธ์กับผู้อื่นมากขึ้น
ซึ่งเป็นการมีสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่นมากเพียงใดก็จะช่วยพัฒนาบุคลิกภาพของบุคคลให้เป็นไปตามที่สังคมยอมรับมากเพียงนั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น